top of page

10 ข้อคิดที่วัย 20-29 ต้องรู้ จากสาวที่ตะลุยแบ็คแพ็คมาแล้วกว่า 30ประเทศทั่วโลก


บทความดีๆใช้เวลาอ่าน 5-10 นาที แต่อาจจะทำให้การใช้ชีวิต 5-10 ปีข้างหน้าของคุณเปลี่ยนไป

อยากให้คุณจิ๊บแนะนำตัวเองคร่าวๆให้พวกเราฟัง

ครูจิ๊บ ภัณฑิรา วรานุเคราะห์โชค เป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ที่เข้ามาเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอดีตออร์แพร์ ได้เป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกๆ 3 คนของครอบครัวอุปถัมภ์และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในบ้านของครอบครัวอุปถัมภ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาเกือบ2ปี จนเรียนได้ใบวุฒิบัตร TESOL(Teaching English to Speakers of Other Languages) และวุฒิบัตร Leadership Management จาก New York University ปัจจุบันเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษที่สถาบัน EPA ผู้เขียนหนังสือคู่มือภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนหลักสูตร English Program ร่วมกับสำนักพิมพ์ Think Beyond และผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Hakru.com ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้

เวลาไปแบ็คแพ็คไปคนเดียวรึเปล่าคะ ?

มีสามทริปที่ไปคนเดียวค่ะ คือทริปแรกที่ญี่ปุ่น 9วัน ทริปที่สองที่ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ3 อาทิตย์ และสุดท้ายในอเมริกา 2อาทิตย์ ส่วนทริปอื่นๆส่วนใหญ่จะไปกับแฟนค่ะ

ทำไมถึงแบ็คแพ็คคนเดียว ทำไมถึงไม่ชอบไปกับทัวร์

เพราะว่าเราจัดการตารางเวลาได้เองหมด และไม่ต้องรอใคร ถ้าชอบสถานที่นั้นก็อยู่ได้นานขึ้นตามความพอใจของตัวเองค่ะ มีความตื่นเต้นมากกว่าไปกับทัวร์ค่ะ

ตะลุยมากว่า 30 ประเทศ อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเลือกจุดหมายปลายทาง

ส่วนมากเป็นประเทศที่เราเคยฝันอยากจะไปตั้งแต่เด็กค่ะ เพราะในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย บางครั้งก็ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนและกระทู้แนะนำที่เที่ยว

Trick หรือ เกร็ดเล็กๆน้อยๆที่อยากแนะนำคนที่อยากไปแบ็คแพ็ค

อย่างแรกเลยคือต้องกล้าเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของการเดินทาง เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ อย่างที่สองคือต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและทรัพย์สินด้วยโดยเฉพาะเวลาไปยังเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องโจรล้วงกระเป๋า และสุดท้ายคือต้องกล้าที่จะถามหรือขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า

จากประสบการณ์ในชีวิตทั้งเรื่องการงาน ครอบครัว และการเดินทางกว่า30ประเทศ ทำให้สาวคนนี้เห็นอะไรมากมาย เห็นโลกในมุมกว้าง เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และเห็นคุณค่าของชีวิตในมุมมองใหม่ วันนี้ Chou Thailand ขอเป็นตัวกลางในการส่งผ่านสิ่งที่นางสาว ภัณฑิรา วรานุเคราะห์โชค หรือครูจิ๊บ ได้เรียนรู้และอยากส่งต่อให้คนวัย 20-29 ปี เรียกได้ว่าไม่อ่านไม่ได้เลยค่ะ

1. เมื่อมีเรื่องร้ายอะไรเข้ามา อย่าไปกลัว ทุกอย่างมันจะผ่านไปได้เสมอ จิ๊บได้เจอมรสุมในชีวิตเรื่องครอบครัว ทำให้ได้พบสัจธรรมว่าทุกข์ ไม่ทุกข์ สุขไม่สุข มันอยู่ที่ตัวเรา

ไม่ยึดติด = ไม่ทุกข์

ไม่จองล้างจองผลาญ = ไม่ทุกข์

และความเชื่อที่ว่าไม่ว่าชีวิตเราจะเจอเรื่องแย่แค่ไหน เราจะสามารถสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาได้เสมอด้วยตัวของเราเอง ทำให้จิ๊บรับมือกับปัญหาต่างๆได้ไม่ว่าคนอื่นจะมองว่ามันเลวร้ายแค่ไหน จิ๊บกลับมองว่ามันเป็นประสบการณ์และรู้สึกขอบคุณกับปัญหาเหล่านั้นทุกครั้ง เพราะมันสอนให้เราโตขึ้น

2. เราทำได้ถ้าเราลงมือทำ

จิ๊บเคยคิดมาตลอดว่าเราไม่ดีพอ ไม่เก่ง(ตอนนี้ก็ยังมีคิดอยู่บ้าง) จบอักษรแล้วก็ยังไม่มั่นใจในทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองทั้งๆที่จบเอกภาษาอังกฤษ เพราะเป็นคนขี้กลัว เลยตัดสินใจเก็บเงินส่งตัวเองไปอเมริกาเป็นออร์แพร์เพื่อฝึกภาษา และโอกาสก็ทำให้ได้ต่อยอดไปจนถึงเรียน วุฒิบัตร TESOL ที่ต้องไปเรียนทฤษฎีการสอนกับเทคนิคร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เป็นเจ้าของภาษา และจิ๊บต้องฝึกสอนห้องเรียนจริงกับนักเรียนชาวต่างชาติในอเมริกา โดยมีคุณครูmentor ตรวจแผนการสอนและคอยให้คะแนนเราทุกคาบค่ะ ทำให้สุดท้ายรู้ว่าที่จริงเราทำได้หมดทุกอย่างหนิ แค่อย่ากลัว ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำแล้ว

3. ถ้าเราไม่เปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น เราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ

คนเป็นสัตว์สังคม เราอยู่กันเป็นสังคม บางทีเราเห็นคนอื่นมีแล้วเราไม่มี เราก็ทุกข์ คนอื่นเป็นแล้วเราไม่เป็น เราก็ทุกข์ ยิ่งทุกวันนี้เป็นบนโลก social ที่เรา connect กันตลอดเวลา จิ๊บยิ่งอยากฝากให้เราทุกคนหันมามองตัวเองให้มากขึ้น กลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น อย่าเอาความสุขของเราไปแขวนอยู่กับความสุขของคนอื่น แทนที่จะมองคนอื่นว่าเค้ามีอะไรกันบ้าง เค้าเป็นอะไรกันบ้าง ให้หันกลับมามองว่าเรามีความสุขในสิ่งที่เรามีรึเปล่า เรามีความสุขในสิ่งที่เราเป็นรึเปล่า ถ้าเรามีแล้วก็มันก็พอแล้ว

"เราทุกคนสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมีและสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ โดยไม่ต้องมีทุกอย่าง"

4. การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ

เราไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว จากที่ไม่เคยอ้วนก็อ้วนขึ้น ป่วยง่ายขึ้น เมื่อมองย้อนกลับไปก็เสียดายเวลาเกือบสิบปีที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย เพราะจะมีข้ออ้างให้ตัวเองตลอดว่าไม่ว่าง แต่ที่จริงคือเพราะขี้เกียจและไม่ชอบเหงื่อออก แต่พอได้เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังกลับชอบมากๆ เห็นตัวเองแข็งแรงขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้นด้วย

5. การเดินทางออกไปเห็นสิ่งใหม่ๆเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเสมอ

ดีใจที่จิ๊บได้ทำในช่วงอายุนี้ ไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศก็ได้ค่ะ แค่ได้เปลี่ยนสถานที่ เราจะได้เจอประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดทั้งดีและไม่ดี หลายครั้งมันเปลี่ยนมุมมองเรา บางอย่างที่เราเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ พอมาดูอีกทีมันกลับเล็กนิดเดียว หรือสิ่งที่มันเคยไม่สำคัญกลับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับชีวิตของเรา การออกเดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล มันทำให้โลกของจิ๊บกว้างขึ้นทุกครั้ง

6.ทำงานที่เรารักและให้โอกาสเราทำตามฝัน

เพราะว่าเราจะทำงานนั้นให้ดีที่สุดแม้ว่าเหนื่อยแค่ไหนเราก็มีความสุข หาฝันของเราให้เจอ จิ๊บโชคดีที่งานสอนพิเศษสามารถให้จิ๊บทำตามฝัน คือการไปเที่ยวได้ด้วย ทำให้ตอบโจทย์ในชีวิต จึงมีความสุขกับการทำงาน แต่กว่าจะหาสิ่งที่ชอบเจอก็ใช้เวลาถึง 4ปีหลังเรียนจบ คนเราต้องอยู่กับงานกว่าครึ่งชีวิต ดังนั้นการทำงานที่มีความสุข มันก็คือการทำให้ชีวิตคุณมีความสุขนั่นเอง

7. หาแรงบันดาลใจในชีวิต

จิ๊บชอบหนังเรื่อง Yes Man มากเพราะเป็นหนังที่เปลี่ยนความคิดเราโดยสิ้นเชิง ทำให้เป็นคนไม่ปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาในชีวิต (แต่ยังทำไม่ได้100เปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามอยู่) เพราะคิดว่าเกิดมาครั้งเดียว เราควรใช้ชีวิตให้คุ้ม จิ๊บคิดเสมอว่าถ้าตายไปจะได้ไม่เสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งนั้นๆเพราะเราได้ใช้ชีวิตคุ้มแล้วในทุกๆวัน

8. การอ่านหนังสือเป็นสิ่งจำเป็น

ตอนเรียนจบจิ๊บเคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่อ่านหนังสืออีกแล้ว เรามีอิสระในชีวิตไม่ต้องอ่านหนังสือสอบ (ช่างเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย) ตอนนี้กลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง โดยตั้งใจว่าจะอ่านให้จบเดือนละ1เล่ม ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ทำอยู่เรื่อยๆไม่ท้อค่ะ ทำให้เราได้เปลี่ยนความคิด พัฒนาตนเองเสมอ จิ๊บชอบหนังสือ The Art of Thinking Clearly เพราะทำให้เราเลิกดูทีวี และหนังสือ the life-changing magic of tidying up ทำให้เราตัดใจทิ้งสมบัติบ้าในบ้านไปได้เยอะมากๆ

9. เพื่อนสำคัญเสมอ

เวลามีเรื่องทุกข์ใจ พวกเขาคือคนที่คอยรับฟังเราเสมอ ถ้าขาดไปชีวิตคงไม่เติมเต็ม ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ แต่ขอให้เรารักษาเพื่อนแท้ไว้กับเรา เพราะเค้าจะเป็นกำลังใจให้เราไปตลอดไม่ทอดทิ้งกัน

10. มองโลกแง่ร้ายไม่ช่วยอะไร

บางคนอาจจะบอกว่าถ้ามองโลกแง่ดีเกินไป ชีวิตอาจเจอปัญหาเพราะมองข้ามอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่จิ๊บกลับมองว่าการมองโลกแง่ร้ายจะปิดกั้นโอกาสของตัวเอง มองโลกแง่ดี ดีกว่าทำให้เรามีความหวัง หากเจออุปสรรคให้ขอบคุณที่มันเข้ามาสอนบทเรียนชีวิต มองโลกในมุมบวกแบบนี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้นอีกเป็นกอง

10 ข้อคิดดีๆ ที่มาจากประสบการณ์ล้วนๆ ของสาวที่เห็นโลกแบบไม่มีขอบเขต เชื่อว่าหลายคนอ่านบนความนี้แล้วอยากไปใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากขึ้น และเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัวเรามากขึ้น ใครชอบบทความดีๆแบบนี้ช่วยเป็นกำลังใจกด like กด share เพื่อให้ www.chouthailand.com นำเอาแง่คิด การใช้ชีวิต และแรงบันดาลใจดีๆมาแบ่งปันกันเรื่อยๆนะคะ ^^


Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page