10 วิธีคิดของ “จุ๊ย” – สาวบ้าพลังวัย 20 กว่า เจ้าของ Startup เงินล้าน
นางสาว "ชื่นชีวัน วงษ์เสรี" หรือ “จุ๊ย” Co-Founder และ Founding COO สาวของบริษัท Globish สถาบันสอนภาษาอังกฤษผ่านสื่อออนไลน์แนวใหม่ที่เน้นในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตจริงกับชาวต่างชาติในราคาที่ย่อมเยา ซึ่งสามารถเอาชนะเงินลงทุนทั้งหมดสามล้านบาทจากรายการ “เสือติดปีก”
จากเด็กสาวชาวระนอง เข้าเรียนกรุงเทพ จนสร้าง startup เงินล้านขึ้นมา
นอกเหนือจากความสามารถทางธุรกิจที่ล้นเหลือและรอยยิ้มกว้างจริงใจของสาวเก่งคนนี้แล้ว เธอยังมีอะไรที่น่าค้นหาอีกมากมาย
Chou Thailand ได้โอกาสเชิญคุณจุ๊ยมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งหากคุณได้อ่านแล้ว ก็คงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสาวเก่งที่มาพร้อมกับหัวใจพองโตที่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในปัจจุบันอย่างแน่นอน
ช่วยเล่าเรื่องของคุณจุ๊ยคร่าวๆให้ฟังหน่อยค่ะ
จุ๊ยเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ เกิดที่ระนอง จุ๊ยเสื้อสีเขียว กับพี่สาวน้องชาย คนใส่แว่นคือคุณพ่อ คุณพ่อเป็นหมอสูติเป็นคนทำคลอดให้จุ๊ยเองเลย
จุ๊ยย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะคุณพ่อคุณแม่เห็นความสำคัญในด้านการศึกษาและอยากให้จุ๊ยได้เข้าโรงเรียนดีๆค่ะ เรียนสายศิลป์ภาษา แล้วก็ต่อธรรมศาสตร์ในด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ
อะไรคือแรงบันดาลใจในการก่อตั้ง Globish
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า Globish คือที่ที่ทุกคนสามารถเข้าไปฝึกพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติจริงๆจากหลายประเทศทั่วโลก และชาวต่างชาติทุกคนผ่านการรับรองการเป็นโค้ชแล้ว
ตอนเริ่ม Globish ขึ้นมาตอนแรก คิดแค่ว่าการได้สนทนากับชาวต่างชาติในชีวิตจริง ในราคาที่ถูก เป็นสิ่งที่เราต้องการตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยมี
นึกถึงตอนเด็กๆที่เราเริ่มเรียนรู้ภาษาไทย เราเริ่มจากการฟัง การพูดคุยกับที่บ้านก่อน แล้วค่อยเรียนอ่านเขียนที่โรงเรียน แต่พอเป็นภาษาอังกฤษเรากลับเรียนอ่านเขียนก่อนแล้วค่อยฟังพูด ทำให้เด็กไทยหลายคนพอไปเจอชาวต่างชาติจริงๆกลับสื่อสารไม่ได้ Globish เข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเราทำให้การเรียนเป็นเรื่องง่ายคือ เรียนที่ไหนก็ได้ เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเราทำระบบให้สามารถใช้ผ่านสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต ก็ได้ และเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับจุ๊ย Globish คือส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการศึกษาของคนไทยได้โดยที่เราไม่ต้องเข้าระบบ ไม่ต้องเข้าไปทำงานในกระทรวง ไม่ต้องไปเปลี่ยนหรือแหกกฎอะไร แต่เป็นเหมือนทางลัดที่ให้ผลเร็วกว่า และจุ๊ยอยากเห็นสังคมไทยที่ดีขึ้นจากสิ่งที่เราลงมือทำเองด้วย
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.globish.co.th หรือ www.facebook.com/speakglobish
10 วิธีคิดของจุ๊ย
1. Know yourself
จุ๊ยคิดว่าส่วนที่ดีที่สุดของจุ๊ยคือจุ๊ยเป็นคนรู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในจุดๆนั้น และเป็นคนดื้อ มุ่งมั่น ชอบเรียนรู้ อยากได้อะไรก็จะทำทุกอย่างให้ได้มา และไม่หยุดพัฒนาตนเองตลอดเวลาเพื่อให้ถึงจุดๆนั้น เรามีเป้าหมายชัดเจน ระหว่างทางจะเจออะไรมันก็ต้องเจอ เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆอยู่แล้ว
มีคำพูดนึงที่จุ๊ยชอบมาก คือตอนที่เราตาย เราอยากให้คนที่มางานศพเราพูดถึงเราว่าอะไร ถ้าเราวิ่งตามเงินไปเรื่อยๆ วิ่งตามความชอบไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย
เราไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายเราจะเจออะไรบ้าง แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอยู่แล้วและเราเดินไปหามัน อย่างน้อยตอนจบ เราก็รู้ว่าสิ่งที่รอเราอยู่คืออะไร
สำหรับคนยังไม่ได้ว่าอยากทำอะไร ให้คุยกับตัวเองเยอะๆ เรียนรู้ตัวเอง ว่าตัวเองต้องการอะไร มองเป้าหมายในระยะยาวและหาทางไปให้ถึง
2. Get out of your comfort zone
บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง อย่างจุ๊ยก็เลือกเรียนศิลป์-ญี่ปุ่น ที่มาแนวภาษาเพราะจุ๊ยชอบภาษาตั้งแต่เด็กแล้วก็เรียนได้ดี
พอต้องเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยเลือกเข้าคณะอักษรศาสตร์ที่จุฬาฯ เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้จุ๊ยทิ้งภาษา แต่พอเรียนไปจริงๆแล้วจุ๊ยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เรียนไปได้หนึ่งปีก็ขอซิ่วไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ในด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศแทนค่ะ
จบมาเราได้งาน Management Trainee ที่ Uniqlo ถือเป็นงานที่ดี แต่จุ๊ยรู้ว่าจุ๊ยอยากทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษา จุ๊ยตัดสินใจลาออกเลย ถ้าวันนั้นเรายังติดกับสิ่งเดิมๆ ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อตัวเอง วันนี้ Globish ก็คงไม่เกิด
3. Keep learning
จุ๊ยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ จุ๊ยมักจะบอกน้องๆที่มาขอคำปรึกษาเสมอว่า ในวัยที่เพิ่งเรียนจบสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเราหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่เป็นช่วงเวลาของการเก็บประสบการณ์ ใช้ศัพท์แบบเด็กติดเกมส์หน่อย ก็คือเก็บ exp เก็บเวลของตัวเอง ทำยังไงให้ตัวเองได้เรียนรู้ให้เร็วที่สุด เก่งเร็วสุด และมีคุณค่ามากที่สุดในระยะเวลาที่สั้นที่สุด หลังจากนั้นเงินจะมาเอง
4. Seize every opportunity
มีคำพูดหนึ่งที่จุ๊ยชอบมากของริชาร์ด แบรนด์สัน คือ “หากใครเสนอโอกาสที่มีค่ามาให้ แต่คุณไม่แน่ใจว่าจะทำมันอย่างไร ตอบรับไปก่อน! แล้วเรียนรู้ที่จะทำมันทีหลัง” การที่มีโอกาสเข้ามา เราไม่รู้มันจะมาอีกเมื่อไหร่ สิ่งที่เราควรทำคือรับมันแล้ว เมื่อเรารู้จุดหมายแล้ว การหาทางไปไม่ใช่เรื่องยาก
5. Don’t put money as your main goal
ชีวิตเรามันไม่ใช่ money-oriented
อย่าง Globish เองคือ การที่เราอยากให้คนไทยแสดงความสามารถของตัวเองได้โดยที่ไม่โดยอุปสรรคทางภาษาปิดกั้น เปิดมาประมาณ 2 ปี Globish สามารถนักเรียนมากกว่า 1,000 คน แล้ว
แล้วจุ๊ยมีความสุข รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมีคุณค่ากับคนอื่น คือถ้าเรามองทุกอย่างเป็นเงิน เราก็จะได้แค่เงิน เราไม่ได้สร้างคุณค่าอื่นๆเลย
6. Choose your own destiny
ผู้หญิงหลายคนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี หรือผู้หญิงที่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันของสังคมหรือครอบครัว มันไม่ใช่ข้อจำกัดของชีวิตเรา จุ๊ยเชื่อว่าทุกอย่างเราเลือกได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตอบสนองกับสิ่งต่างๆรอบตัวเราอย่างไร แม้แต่เรื่องความรัก ความรักคือการเดินทางและการเรียนรู้ระหว่างทาง จุ๊ยมองว่าเราควรเป็นผู้เลือกไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ผู้ชายที่คบมาจุ๊ยเป็นฝ่ายจีบก่อนเองหมดเลย (หัวเราะ) จุ๊ยมองว่าการเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาเห็นค่าของเรา
7. Show, don’t tell
บางทีก็มีนะทีมีคนมาบอกว่าเราทำไม่ได้หรอก จุ๊ยจะไม่เสียเวลาหรือเสียความรู้สึกไปกับคำพูดเหล่านั้นเลย จุ๊ยจะคิดว่าที่เค้าบอกทำไม่ได้ เค้าหมายถึงเค้าเอง ไม่ใช่ตัวเรา แล้วเราให้ทำให้เค้าดู ให้เค้าเห็นไปเลย
8. Anyone can make a difference
หลายๆคนอยากทำอะไรให้สังคมดีขึ้นแต่ยังคงยึดติดอยู่ในกรอบ คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีอะไรพิเศษ จุ๊ยอยากเป็นแรงผลักดันที่ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะอายุน้อย อายุมาก ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้
อย่างตอนที่ Globish มีนักเรียนคนแรกกลับมาบอกว่าชีวิตเขาดีขึ้นแค่ไหน เขาประหยัดเวลาละสามารถก้าวหน้าในหน้าที่การงานแค่ไหน
แม้จะเป็นแค่คนแรก แต่จุ๊ยเห็นสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไป มันคือการโยนหินหนึ่งก้อนลงในน้ำ และเห็นน้ำกระเพื่อม จุ๊ยรู้สึกว่าทุกอย่างมันส่งผลต่อกันหมด
เราไม่ใช่เด็กรวยหรือเด็กนอก การได้จุดประกายในชีวิตให้ใครสักคน มันก็คุ้มค่าแล้วสำหรับจุ๊ย
9. Give back to society
ภาพทีม Globish ร่วมกิจกรรมสอนภาษาอังกฤษให้ผู้ต้องหาหญิงที่ใกล้ได้รับการปล่อยตัว
เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทำงานจริง
ปัญหาสังคมคือสิ่งที่จุ๊ยให้ความสนใจ เด็กๆเราฝันว่าอยากทำมูลนิธิให้ช้าง คือตอนนั้นจุ๊ยอยู่ที่ร้านข้าวต้ม แล้วมีคนเอาช้างมาเร่ขายกล้วย คือจุ๊ยก็ร้องไห้ รู้สึกสงสารช้างว่าเขาไม่ได้อยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ พอโตขึ้นมาความอยากให้อะไรแก่สังคมก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนได้มาทำ Globish เราก็จะจัดอะไรเพื่อสังคมตลอด มีโครงการสอนคนพิการทางร่างกายและสายตา ให้ผู้พิการทางสายตามาทำงานที่บริษัท มาเป็นที่ปรึกษาทางการเรียน ที่ผ่านมาก็เพิ่งไปสอนภาษาอังกฤษให้ผู้ต้องหาหญิงที่กำลังจะออกจากเรือนจำ เพื่อให้เขามี skill ติดตัวไปทำงานได้
และคิดว่าถ้าในอนาคตมีกำลังมากพอก็จะทำ แล้วจุ๊ยก็อยากเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน และสิทธิสตรีมากขึ้น
10. Team Plerk
ภาพทีมงาน ทีมงานเราอายุเฉลี่ย 22 ปี! และไฟแรงกันสุดๆ
จุ๊ยชอบที่ทุกวันตื่นมาและยังอยากมาทำงานอยู่ มีความสุขกับการทำงานทุกวัน Team Plerk คือการ Play กับ Work ไปพร้อมๆกัน ทำให้การทำงานเป็นเรื่องสนุกตลอดเวลา ที่ Globish ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ ไม่ใช่สิ ไม่มีชั่วโมงไหนที่ไม่หัวเราะมากกว่า
สุดท้าย
จุ๊ยขอให้คนที่กำลังตามหาความฝัน ค้นหาตัวเองให้เจอเร็วๆและอย่ายอมแพ้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ